การเล่นเกมส์พนันแม้จะมีหลักการว่ามีขึ้นก็ต้องมีลงก็ตาม แต่หากเรามีสติและไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียแล้วล่ะก็การเป็นมือเซียนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดั่งคำที่ว่า รู้จักรุกก็ต้องรู้จักการถอยกลับมาตั้งรับเช่นกัน เมื่อเห็นว่าไพ่โป๊กเกอร์บนมือไม่อาจสู้ได้ก็ไม่ต้องฝืนสู้และรอรอบถัดไปดีกว่าการทำอย่างนี้ก็จะเป็นการเซฟตัวเราเองทั้งยังเล่นได้นานขึ้นด้วย
1 – แต้มสูงที่สุดคือ Royal Straight Flush – คือการที่ไพ่บนมือประกอบไปด้วย ไพ่ 10 J Q K A และมีลายดอกเหมือนกันทั้งห้าใบ โดยดอกที่ใหญ่ที่สุดเรียงจาก โพธิ์ดำ ข้าวหลามตัด หัวใจ และดอกจิกตามลำดับ
2 – รองมา คือ Straight Flush – คือการที่ไพ่บนมือเรียงลำดับตัวเลขกัน และมีดอกเดียวกัน
3 – ต่อไปคือ Four of a kind – คือการที่มีไพ่ที่มีตัวเลขชุดเดียวกัน 4 ใบ
4 – อันดับถัดมาคือ Full House – คือการที่บนมือมีทั้งไพ่ตอง และไพ่คู่ หรือก็คือการมีไพ้เหมือนเลขกันสามใบ และไพ่ที่มีเลขเหมือนกันสองใบ
5 – ไพ่ลำดับถัดมาคือ Flush – คือการที่มีไพ่บนมือเรียงสีกันห้าใบ
6 – ต่อมาคือ Straight – คือการที่ไพ่บนมือเรียงเลขกันโดยจะมีดอกสีออะไรก็ได้
7 – แต้มตองมาก็คือ ตอง (Three of a kind) – คือ การที่มีไพ่บนมือเลขเหมือนกันจำนวนสามใบซึ่งอีกสองใบจะเป็นไพ่อะไรก็ได้แต่ยิ่งสูงยิ่งดี
8 – ถัดมาก็คือ 2 คู่ (Two pair) – คือการที่ มีไพ่เลขเหมือนกันจำนวนสองใบ และมีสองคู่ เช่น มีคู่ KK หรือคู่ 99 เป็นต้น
9 – ลำดับถัดมาคือ 1 คู่ (One pair) – คล้ายกับไพ่ด้านบนแต่มีเพียง 1 คู่เท่านั้น
10 – ลำดับสุดท้ายก็คือ ไพ่สูง (High card) – หากเราไม่มีไพ่ใบพิเศษอะไรให้นับไพ่ที่สูงที่สุดบนมือแทน
จะเห็นได้ว่าการนับแต้มในเกมส์ไพ่โป๊กเกอร์มีเยอะแยะมากมาก ลองดูและคำนวนส่วนได้ส่วนเสียของไพ่บนมือให้ดียิ่งแต้มไม่สูงก็ไม่ควรฝืนสู้ต่อ แต่หากคุณมีแต้มสูงๆ ก็ให้สู้ไปเลย แต่ก็ต้องฝึกเก็บอาการกันด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าพอมือดีแล้วออกตัวแรง